มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 24 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 โดยมีการร่วมมือกันระหว่างอธิบดีกรมการขนส่งทางรางกลับรถไฟลอยฟ้ารวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดินมีการลงนามร่วมกันเกี่ยวกับการออกกฎการเข้าใช้บริการรถไฟฟ้าโดยต้องการให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย
หากไม่มีสามารถใช้หน้ากากผ้าแทนได้ก่อนที่จะมีการเข้าไปใช้บริการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งถ้าหากผู้โดยสารคนใดไม่มีหน้ากากอนามัยหรือไม่มีหน้ากากผ้าจะไม่สามารถเข้าไปใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดินได้
ซึ่งเงื่อนไขการใช้บริการรถไฟฟ้าในครั้งนี้จะเริ่มมีผลในวันที่ 25 เดือนมีนาคมพศ 2563 นั่นก็คือมีผลในวันรุ่งขึ้นทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าดังนั้นทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือกันจะพยายามลดความเสี่ยงที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าออกไป
โดยทางสถานีรถไฟฟ้าทั้งของใต้ดินและของรถไฟลอยฟ้านั้นจะมีการประสานงานจัดสรรหาหน้ากากอนามัยเสื้อมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาไม่เกินชิ้นละ 20 บาทโดยคาดว่าจะสามารถรวบรวมหน้ากากอนามัยมาขายให้ประชาชนได้เราราวๆประมาณ 5000 ชิ้น
ซึ่งจะเริ่มมีการวางจำหน่ายในวันที่ 25 มีนาคมพศ 2563 โดยจะมีการวางจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สาขาพญาไท สถานีมักกะสัน และที่สถานีลาดกระบังโดยตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะนำไปขายได้ตรงสถานีเนื่องจากปริมาณหน้ากากอนามัยมีไม่เพียงพอดังนั้นจึงเลือกสถานีที่จะมีจำนวนผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก
สำหรับกดที่ออกมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นกฎที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโรต้าได้เป็นอย่างดีแต่การที่ออกกฎแบบนี้เอามาแล้วนำหน้ากากอนามัยมาขายในราคาที่ระบุว่าไม่เกินชิ้นละ 20 บาทนั้นนั่นแสดงว่าทางผู้ประกอบการรถไฟฟ้าเองก็มีการขายหน้ากากอนามัยเกินราคาทั้งนี้หากเป็นแบบนี้แล้วทางผู้ประกอบการรถไฟฟ้าจะมีความผิดฐานขายของเกินราคาหรือไม่และที่สำคัญตามกฎหมายแจ้งว่าหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าต้องห้ามโดยไม่ให้จำหน่ายหากไม่ได้รับการระบุจากกรมการค้าภายในแล้วอย่างนี้
หากทางกรมการขนส่งจะนำมาจำหน่ายเองจะถือว่ามีความผิดหรือไม่ถ้าหากว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติแล้วไม่จับกุมโครงสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนอยู่เหมือนกันเพราะเคยมีข่าวว่าชาวบ้านมีการรวบรวมเงินเพื่อซื้อหน้ากากอนามัยแล้วจะเอาไปบริจาคให้กับสถานพยาบาลและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเพียงเพราะอ้างว่าเป็นการซื้อหน้ากากอนามัยมาในราคาที่แพงเกินและมีการออกกฎหมายควบคุมไม่ให้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันแล้วดังนั้นในกรณีที่รถไฟฟ้าออกมาบอกว่าจะมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยและราคาสูงถึง 28 นั้นก็ย่อมถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน