เช้าวันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นผมเช็คJAPAN PLANNING วางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นในจุดสุดท้านที่ถูกเตรียมไว้และภายในจุดสุดท้ายนี้น่าจะทำให้ผมเข้าใจฟูจิซังมากขึ้นในอรกหนึ่งมุมมองด้านความตายของชาวญี่ปุ่นสถานที่ที่มีด้านมืดและเรื่องเล่าให้ผมได้ตามไปสัมผัสผมฝากกระเป๋าที่ร้านเช่าจักรยานและรอรถเมล์ที่BLUE LINEเพื่อเดินทางไปยัง ป่าอา โอกิกาฮาระ
เป็นป่าที่ตั้งอยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งป่าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความอาถรรพ์ของชาวญี่ปุ่นและเมื่อผมได้มองเห็นป้ายWIND CAVEหรือป้าย BLUE LINE ที่ 51 ผมก็ได้ลงที่ปายแห่งนี้เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางเข้าป่า อาโอกิกาฮาระ สถานที่แห่งนี้คือป่าแห่งความตายเพราะในหนึ่งปีจะมีคนญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า100คนเลือกที่จะเดินทางเพื่อเข้ามาจบชีวิตภายในป่าแห่งนี้ ซึ่งลักษณะของผู้ที่เข้ามาจบชีวิตภายในป่าแห่งนี้นั้นก็จะเดินทางมาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
และไร้สัมภาระใดๆทั้งสิ้นที่จะนำเอาติดตัวมายังสถานที่แห่งนี้และยังมักชอบจะเดินออกนอกเส้นทางหลักอยุ่เป็นประจำเพื่อที่จะได้เดินเข้าไปยังในป่าลึกที่ได้มีความกว้างถึงประมาณ30ตารางกิโลเมตรและในบางครั้งก็เหลือเพียงแต่สิ่งของที่โดเดี่ยวที่ได้ตกอยู่เพียงลำพังและทิ้งไว้แต่เพียงข้อที่ยังสงสัยทำให้หลายคนนั้นได้ฉงนและยังไม่พบข้อสรุปว่าทำไมหลายคนนั้นจึงได้นิยมที่จะเข้ามาจบชีวิตในที่สถานที่แห่งนี้แต่ในทางกานที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการติดป้ายเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินออกนอกเส้นทาง
หรือแม้กระทั่งป้านเตือนสติให้ไม่คิดสั้นแต่แน่นอน สถานที่ที่สวยงามอย่าง ป่าอาโอกิกาฮาระนี้ชาวบ้านในระแวกก็เริ่มจัดทำแผนท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติให้มาชื่นชมความสวยงามของผืนป่าแห่งนี้โดยแท้จริงและภายในระแวกป่าแห่งนี้ก็มีถ้ำมากมายให้นักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างผมได้สัมผัสกับICE CAVEหรือถ้ำน้ำแข็งถ้ำที่มีความเย็นที่ผิดหูผิดตาไปจากถ้ำในประเทศไทย
ซึ่งชื่อญี่ปุ่นของถ้ำแห่งนี้คือ ถ้ำนารุซาวะ เฮียวเค็ทซึ ภายในถ้ำมีความเย็นและมีอุณหภูมิเพียง 0 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งผมเดินหนาวเหน็บอยู่ในถ้ำแห่งนี้จนฟันออกปากมากกว่าควันซะอีกผมออกจากถ้ำICE CAVE และเดินทางกลับมาหนึ่งกิโลเมตรเพื่อเดินทางกลับมายังถ้ำ WIND CAVE หรือถ้ำฟุกาคุ ภายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้สามารถพบผู้คนได้ทั่วไปและไม่เงียบเหงาอย่างที่คิดถ้ำ WIND CAVE หรือถ้ำลมมีความหนาวเหน็บไม่ต่างจาก ICE CAVE
สนับสนุนเรื่องราวโดย dewabet