สำหรับในบทความนี้เราจะพาไปเที่ยวที่จังหวัดระยองซึ่งจุดที่เราจะพาไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในก็คือบริเวณริมหาดแหลมเจริญนั่นเองโดยครั้งนี้จะพาไปรู้จักกับคาเฟ่เด็ดๆโดนๆที่บอกได้เลยว่านักท่องเที่ยวที่เคยไปใช้บริการมาแล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบริการดีมากๆและอาหารอร่อยมากและที่สำคัญวิวสวยมากๆเลยทีเดียวซึ่งวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับคาเฟ่ที่ได้รับการรีวิวระดับ 5 ดาวกัน

•           Cherocco Beach Club

   สำหรับ Cafe แรกนั้นอยู่ติดร้านเฌอ เฌอ ซีฟู้ด  ซึ่งคาเฟ่ที่เราจะพาไปรู้จักนี้ชื่อว่า Cherocco Beach Club  ซึ่งที่นี่มีการตกแต่งสไตล์บาหลีโดยจะให้อารมรณ์แบบมินิมอล    ทางด้านเจ้าของร้านจะเน้นการคุมโทนเป็นสีขาวโดยเฉพาะ    ทำให้แลดูเรียบง่ายและมีความสวยงามลงตัว  

          ที่หาดแหลมเจริญ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจที่Cherocco Beach Club รับรองว่าจะต้องประทับใจกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าคุณจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้แบบ 360 องศา   ซึ่งทางร้านได้เตรียมที่นั่งไว้ให้ลูกค้าทั้งด้านหน้าร้านและด้านในร้าน

          นอกจากนี้ยังมีอาหารให้เลือกหลากหลายสัญชาติมีทั้งอาหารคาวและอาหารหวานรวมถึงเบเกอรี่และเครื่องดื่มอีกด้วยที่สำคัญที่นี่มีอาหารทะเลสดใหม่คอยบริการนักท่องเที่ยวซึ่งทางร้านคัดสรรของดีมีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นหอยมะระซาซิมิก็มีการนำมาจากหอยนางรมสุราษฎร์ธานีเลยทีเดียวและช่วงเวลายามค่ำคืนที่นี่ยังมีดนตรีสดคอยให้บริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 19:00 น จนถึง 22:30 น อีกด้วย    สำหรับที่ Cherocco Beach Club แห่งนี้ เปิดให้บริการลูกค้าตั้งแต่ 10:00 น จนถึง 23:00 น

•         Coff Circle x cafe 

          สำหรับคาเฟ่แห่งที่ 2 ที่อยู่แถวบริเวณหาดแหลมเจริญละได้รับความสนใจจากบรรดานักท่องเที่ยวไม่ต่างจากคาเฟ่แรกเลยก็คือ Coff Circle x cafe ที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.00 นจนถึง 17:30 น ซึ่งเมนูเด็ดของคาเฟ่แห่งนี้ก็คือกาแฟซึ่งมีหลากหลายชนิดให้เลือกนอกจากนี้ยังมีขนมเลขรถหมุนเวียนให้ลูกค้าได้ลิ้มชิมลองในแต่ละวันแตกต่างกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนมเค้กและวาฟเฟิลกรอบ  นอกจากนี้ที่ร้านยังตั้งอยู่บริเวณริมหาดทำให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะจิบกาแฟรับประทานอาหารขนมนั่งริมชายหาดเพื่อรับบรรยากาศริมทะเลฟังเสียงคลื่นแบบชิวๆได้เลยและที่สำคัญCoff Circle x cafe มีการประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม

            สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่เดินทางไปถึงจังหวัดระยองแล้วแนะนำว่าคุณควรจะลองไปกับบรรยากาศริมชายหาดแถวบริเวณหาดแหลมเจริญรับรองได้เลยว่าจะต้องรู้สึกประทับใจกับคาเฟ่เหล่านี้อย่างแน่นอน 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    หวยดี

แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานและ ประวัติศาสตร์ของจังหวัดสงขลา กำแพงเมืองและป้อมปราการ

     หากพูดถึงจังหวัดสงขลาส่วนใหญ่คนจะนึกถึงจังหวัดที่อยู่ติดกับเขตประเทศของมาเลเซียและสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงทะเลสงขลาแต่อันที่จริงแล้วจังหวัดสงขลานั้น มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่ไม่อยู่ติดทะเล

และหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและอยากจะให้ไปรู้จักหรือไปลองสัมผัสและก็คือแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นพวกโบราณสถานต่างๆ

ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีประวัติความเป็นมายานานเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวควรจะศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและประวัติศาสตร์ของจังหวัดนั้นๆซึ่งในจังหวัดสงขลาเองก็มีโบราณสถานและประวัติศาสตร์ของจังหวัดสงขลา  

      สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกำแพงเมืองและป้อมปราการของจังหวัดสงขลาซึ่งจะอยู่ตรงบริเวณ  อำเภอสิงหนคร โดยกำแพงเมืองและป้อมปราการ แห่งนี้นั้น ในยุคแรกที่มีการสร้างเมืองขึ้นมามีการสร้างเอาไว้อยู่ที่บริเวณเขาแดงเมื่อช่วงประมาณ ปีพ.ศ. 2148 ซึ่งช่วงนั้นคนที่มีการสั่งให้มีการสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการก็คือ  ท่านดาโต๊ะ โมกอลล์ สร้างในสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ  

      โดยในตอนนั้น ท่านดาโต๊ะ โมกอลล์ ได้มีการอพยพลี้ภัยจักรวรรดิจากเมืองสาเลห์ ซึ่งเมืองแห่งนี้นั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของประเทศอินโดนีเซียดูอยู่บนเกาะชวา  หลังจาก ท่านดาโต๊ะ โมกอลล์  เดินทางมาถึงจังหวัดสงขลาก็ได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่จนมีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันนี้

       ซึ่งหนึ่งในสถานที่ก่อสร้างที่ท่านดาโต๊ะ สั่งให้มีการสร้างนั่นก็คือการสร้างกำแพงเมืองคูเมืองและป้อมเมืองเพื่อป้องกันศัตรูมารุกราน    หวยดี  ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจากที่มีการสร้างกำแพงเมืองและประตูเมืองเอามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ทำให้จังหวัดสงขลานั้นมีลักษณะของเมืองแห่งป้อมปราการ 

  ซึ่งถ้าหากนักท่องเที่ยวเคยเดินทางไปเที่ยวบริเวณนี้จะเห็นได้ว่าที่นี่จะมีป้อมปืนถึง 18 ป้อมด้วยกันแต่เนื่องจากว่ามีการก่อสร้างมานานและไม่ได้มีการใช้งานป้อมปืนแห่งนี้ก็มีการผุพังไปตามกาลเวลาเหลือยังเป็นหลักฐานที่ให้เราเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นต้องเติมได้อยู่แค่ประมาณ 13 ต้นเท่านั้น

   อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้รับการรุกรานจากชาวต่างชาติหรือลูกบอลจากคนในประเทศด้วยกันเองแต่กำแพงเมืองสงครามนั้นก็มีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลาและมีการเพิ่มเติมหรือสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงยุคสมัยของท่านสุลต่านสุไลมานซึ่งเป็นบุตรชายของท่านดาโต๊ะก็มีการปรับปรุงสร้างความแข็งแรงให้มากขึ้นกว่าเดิมที่สำคัญยังมีการเพิ่มความปลอดภัยให้กับการขนส่งสินค้าทางเรือ 

       ทำให้จังหวัดสงขลาเป็นเมืองท่าที่มีการค้าขายทางเรือที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยโดยการขายสินค้าผ่านทางเรือนั้นจะเกิดขึ้นตรงบริเวณป้อมหัวเขาแดงซึ่งเป็นต้นที่มีความคงทนแข็งแรงเป็นอย่างมาก  และป้อมแห่งนี้นั้นเคยถูกกองทัพของชาวกรุงศรีอยุธยามาทำการไปถึง 3 ครั้งด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นป้อมปราการที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานดังนั้นจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและน่าลองไปเที่ยวกันเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง