คลังเก็บป้ายกำกับ: สถานที่ท่องเที่ยว

สถานที่ท่องเที่ยวสุดยอดนิยมที่หลายๆคนถ้าไม่ได้ไปถือว่าพลาดมากแน่ๆค่ะ

เชื่อว่าหลายๆคนก็คงอยากจะไปหาสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมที่หลายๆคนไปเพราะคิดว่านั่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยและงดงามมากๆทุกคนถึงได้ชอบกันแต่พอไปจริงๆก็รู้ว่ามันสวยและงามมากเพราะฉันที่นั้นสามารถทำอะไรก็ได้ถ่ายรูปเซลฟี่ก็ได้แล้วก็มีส่วนที่สวยงามเต็มไปหมด

มีแหล่งน้ำมีสีสันสดใสมีก้อนหินมีวัดอะไรก็ได้แล้วแต่ว่าจะไปที่ไหนอย่างนั้นวันนี้เราก็จะมาบอกว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถให้พวกคุณไปหาภาพอะไรก็ได้ค่ะ

1.บึงบอระเพ็ดที่จังหวัดนครสวรรค์ หลายๆคนคงได้ยินคำว่าบอระเพ็ดก็คงจะคิดถึงบอระเพ็ดที่ พี่ขมมากๆแต่มันไม่ใช่เลยค่ะมันเป็นแค่ชื่อของบอน้ำทั้งนั้นค่ะแต่ความจริงมันเป็นภาพที่สวยมากๆแล้วคุณสามารถมองตอนพระอาทิตย์ตกในการเย็นได้อาทิตย์ขึ้นและพอเที่ยงคุณจะเห็นดอกไม้สีชมพูบานเต็มบอน้ำเลยค่ะต้องไปให้ได้นะค่ะ

2.บึงสีไฟ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิจิตร สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีรูปปั้นจระเข้ค่ะแต่พอตกเย็นหลายๆคนก็จะเห็นว่ามีน้ำขึ้นมาแล้วก็เป็นสีส้มๆด้วยค่ะซึ่งก็จะมีที่พักใกล้ๆแถวนั้นสามารถถ่ายรูปตอนที่น้ำพุ่งขึ้นมาได้แต่น้ำที่พุ่งขึ้นมานั้นจะได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นนะคะถ้าคุณเห็นน้ำขึ้นมานิดนึงคุณเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้เลยค่ะ

และก่อนที่คุณจะมาแน่นอนว่าคุณควรเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้เยอะๆเสียก่อนคุณจะได้มีรูปภาพเก็บไว้เยอะๆเผื่อแบตหมดเพราะน้ำที่พุ่งขึ้นมานั้นจะพุ่งขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งตอนเย็นเลยค่ะ ดังนั้นเตรียมกล้องไว้เยอะๆเละนะค่ะ

3.อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าที่จังหวัดพิษณุโลก สถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้เหมือนเป็นเทือกเขาที่ตั้งตระหง่านสามารถเห็นเมฆชัดเจนและก็จะมีก้อนหินให้ทุกคนนั่งเต็มไปหมดคนอาจจะคิดว่ามันแปลกแต่จริงๆค่ะเพราะมันจะเป็นเสียงแต่ก็มีต้นไม้ขึ้นอยู่เต็มไปหมด

ถ้ามองลงไปด้านล่างอัดเสียงหน่อยเพราะมันสูงมากๆสามารถเห็นต้นไม้ใหญ่เป็นป่าดงดิบได้ทั้งแถบเลยค่ะเชื่อว่าถ้าใครกลัวความสูงไม่ควรมาเที่ยวที่แห่งนี้นะคะแต่ถ้าใครชอบความท้าทายแน่นอนค่ะต้องมาเที่ยวที่แห่งนี้ให้ได้เลยนะคะถ้าไม่มาถือว่าพลาดแน่แน่เลยค้า 

ลองไปเที่ยวให้ได้นะค่ะถ้าไม่ได้ไปถือว่าพลาดชัวร์ชัวร์ค่ะดังนั้นต้องไปให้ได้เลยนะค่ะ

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

รถไฟใต้ดิน ความงามที่ต้องจดจำแห่งกรุงมอสโก

พูดถึงรถไฟใต้ดินคงไม่มีใครไม่รู้จักแน่ๆ เพราะทุกวันนี้ เกือบทุกประเทศได้มีการพัฒนาการคมนาคมอย่างต่อเนื่องจนมีครบเกือบทุกประเทศแล้ว และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกมากๆเส้นทางหนึ่งเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเดินทางได้รวดเร็วแล้ว ก็ยังบรรทุกคนได้มาก และประหยัดพลังงานน้ำมันได้เป็นอย่างดี

ในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักรถไฟใต้ดินที่ประเทศรัสเซีย ในกรุงมอสโก สถานีรถไฟใต้ดินที่นี่ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะว่า สถานีรถไฟอื่นๆอาจจะเอาไว้ใช้แค่ใช้งานเฉยๆ แต่นี่มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบทีเรียกได้ว่างดงามสวยหยดมากๆ

โดยไอเดียการออกแบบที่สวยงามนี้มาจากตอนสมัยผู้นำอย่าง โจเซฟ สตาลิน ยุคเผด็จการในตอนนั้น โดยมีอุดมคติคือต้องการสร้างจิตสำนึกชาตินิยมให้กับจักรวรรดิโซเวียต ผ่านศิลปะตามสถานีรถไฟใต้ดินต่างๆ

โดยโครงการนี้จริงๆแล้วก็เริ่มมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่ต้องการให้ประเทศเจริญก้าวหน้าทัดเทียวมหาอำนาใจในยุโรปอย่างสเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน ในตอนนั้นนั่นเอง และสตาลินก็มาสานต่อ

หากท่านใดมีโอกาสเดินทางมาที่กรุงมอสโกประเทศรัสเซียแล้วนั้น อยากจะบอกว่าไม่ควรพลาดมาลองชมด้วยตาตัวเองซักครั้ง โดยหากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แนะนำให้ไปเริ่มต้นที่สถานี Komsomolskaya ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเป็นสถานีที่ตกแต่งได้สวยงามมากที่สุด

มีไฟแชนเดอเลียร์ที่เพดาน พร้อมตกแต่งสไตล์บาโรก สีเหลือง และตัวผนังเองก็ทำเป็นโมเสกพร้อมด้วยหินมีค่ากับแก้วโคบอลต์สีน้ำเงิน โดยสอดแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการต่อสู้ของประเทศ เพื่ออิสรภาพ

สถานีที่สองที่อยากให้ทำความรู้จักก็คือ สถานี Mayakovskaya ที่การตกแต่งจะแตกต่างกับสถานีแรกที่กล่าวถึงเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง แบบแรกจะเป็นแนวสวยงามวิจิตร ออกแนววังๆหน่อย แต่สถานีนี้ เป็นการโมดิฟายดัดแปลงจากอดีตที่หลบภัย

จากการโจมตีทางอากาศสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเป็นแนวสไตล์อาร์ตเดโค เรียบหรู ใช้ผิวของสแตนเลสสตีลแวววาวผสมผสานลงตัวกับหินโรโดไนต์สีชมพูและผนังหินอ่อนสีขาว เรียกได้ว่าสวยงามไร้ที่ติ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊ก 

         หากใครที่เคยไปเดินเที่ยวตลาดน้ำดําเนินสะดวกที่จังหวัดราชบุรีจะเห็นได้ว่าที่ตลาดน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายและยังมีสินค้ามาขายเป็นจำนวนมากแต่ก็รู้หรือไม่ว่าที่จังหวัดราชบุรีนั้นไม่ได้มีตลาดน้ำราชดำเนินแค่เพียงที่เดียวเท่านั้น

แต่ที่นี่ยังมีตลาดน้ำอีกหลายอย่างที่น่าสนใจและขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อยเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่เน้นการเที่ยวเชิงธรรมชาติและต้องการไปหาของกินของอร่อยมาเป็นของฝากตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งที่จะแนะนำอีกขึ้นชื่อของจังหวัดราชบุรีเช่นเดียวกันนั่นก็คือตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊ก

ซึ่งตลาดน้ำที่นี่จะมีความแตกต่างจากตลาดน้ำราชดำเนินอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวเนื่องจากหากใครเคยไปเที่ยวตลาดน้ำราชดำเนินจะเห็นได้ว่าเส้นทางสัญจรทางน้ำแทบจะไม่สามารถพายเรือผ่านไปได้เนื่องจากว่าจะมีเรือของพ่อค้าแม่ค้าจอดขวางเพื่อขายสินค้าอยู่เต็มไปหมดแต่ในขณะเดียวกันที่ตลาดน้ําเหล่าตั๊กลักแห่งนี้จะเป็นตลาดน้ำที่มีบรรยากาศของความสงบร่มเย็นแม่น้ำลำคลองที่นี่จะไม่มีเรือ

สำหรับมาขายสินค้าเยอะมากนักจะมีแค่ไม่กี่ลำส่วนใหญ่สินค้าที่ขายได้อยู่บนฝั่งโดยจะเปิดเป็นร้านค้าให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแต่เลือกซื้อของได้ตามสะดวกซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้ผู้คนไม่พลุกพล่านและยังคงวิถีความเป็นชาวบ้านริมคลอง

ซึ่งหาชมค่อนข้างได้ยากในปัจจุบันหากใครที่อยากไปเที่ยวตลาดน้ำแต่ไม่อยากไปในที่ที่คนเยอะๆแนะนำเลยว่าตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊กนี้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่เน้นความสงบมากไปที่นี่ถึงแม้จะมีร้านไม่กี่ร้านในการขายของแต่สินค้าที่นำมาขายทุกร้านก็มีคุณภาพและที่นี่อาหารก็อร่อยขึ้นชื่อไม่ว่าจะเป็นผัดไทย    ก๋วยเตี๋ยว

รวมถึงพวกขนมต่างๆไม่ว่าจะเป็นขนมเบื้องญวน หรือขนมหวานอื่นๆอีกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ตลาดน้ําเหล่าตั๊กลักแห่งนี้สามารถเดินทางมาได้เฉพาะวันเสาร์วันอาทิตย์เท่านั้นซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้จะเปิดแค่ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายก็จะปิดกิจการเนื่องจากตลาดน้ำแห่งนี้เป็นตลาดน้ำที่ชาวบ้านนำสินค้ามาขายเฉพาะในช่วงของวันหยุด

หากใครที่ต้องการชมความสวยงามของบ้านริมคลองแนะนำว่ามาที่นี่จะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะผู้คนที่นี่ยังดำรงชีวิตอันตามปกติเหมือนชาวบ้านเปิดขายร้านขายของชำทั่วไปไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นตลาดที่ขึ้นชื่ออะไรมากนักดังนั้นจึงยังคงความเป็นตัวตนของชาวบ้านอย่างเต็มที่

เราจะยังคงเห็นวิถีการดำเนินชีวิตของคนที่นี่อย่างเช่นการขึ้นสะพานโดดลงแม่น้ำเล่นน้ำในคลองหรือการสัญจรไปมาโดยอาศัยผ่านทางเรือยนต์ผู้คนที่นี่จะยิ้มแย้มทักทายกันไปมา เหมือนกับเป็นญาติกัน

พาไปสักการะไหว้ศาลหลักเมืองของจังหวัดอุบลราชธานี

   ใครที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีไม่ควรที่จะพลาดมาไหว้สักการะศาลหลักเมืองของจังหวัดซึ่งศาลหลักเมืองนี้จะมีทุกจังหวัดขอเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในจังหวัดนั้นๆเช่นเดียวกับจังหวัดอุบลราชธานีก็มีศาลหลักเมืองที่ชาวเมืองให้ความเคารพนับถือ

ดังนั้นนักท่องเที่ยวคนไหนที่เดินทางผ่านมาทางนี้ก็ควรจะแวะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตของตนเองศาลหลักเมืองของจังหวัดอุบลราชธานีนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อสมัยปีพศ 2515 และกว่าจะสร้างเสร็จก็มีพศ 2519 ซึ่งมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปเคารพสักการะศาลหลักเมืองได้เมื่อวันที่ 16 มกราคมปีพศ 2519

ซึ่งในตอนนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงเสด็จไปที่จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปเป็นประธานการจัดพิธีเปิดศาลหลักเมืองอย่างเป็นทางการ 

      หากใครต้องการที่จะเข้าไปกราบไหว้เคารพสักการะศาลหลักเมืองสามารถเดินทางไปได้โดยให้ไปที่ทุ่งศรีเมืองซึ่งที่นี่จะเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีกับคนทั่วไปไปศาลหลักเมืองจะตั้งอยู่ตรงถนนเขื่อนธานีในเขตอำเภอเมืองดังนั้นหากใครที่ต้องการไปเคารพสักการะศาลหลักเมืองจึงเดินทางไปไม่ยากโดยให้มีการตั้ง GPS ระบุเอาไว้ว่าไปศาลหลักเมืองอุบลราชธานี

ก็สามารถเดินทางไปถึงได้เลยแล้วเมื่อเราเข้าไปถึงที่ศาลหลักเมืองจุดเด่นของที่นี่เลยก็จะเป็นสาวเมืองที่ตั้งอยู่ตรงกลางซึ่งศาลหลักเมืองของที่อุบลราชธานีนี้จะทำมาจากไม้ราชพฤกษ์มีการปิดทองสวยงามและมีการผูกด้วยผ้าหลากสีเพื่อแสดงให้เห็นว่าชาวเมืองจังหวัดอุบลราชธานีนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความงดงามการกราบไหว้ศาลหลักเมืองนั้นเราแค่เพียงนำดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปไหว้เหมือนกับเราไหว้ศาลหลักเมืองของจังหวัดอื่นนั่นเอง

สำหรับการรักเมืองที่จังหวัดอุบลราชธานีนี้ประชาชนจะมีการรวมตัวกันจัดงานบวงสรวงขึ้นปีละครั้งโดยจะจัดในช่วงเดือน 7 ของทุกปี โดยชาวเมืองจังหวัดอุบลราชธานีหรือว่าศาลหลักเมืองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานีมาช้านานและเพื่อเป็นการเพิ่มความสนิทมงคลให้กับชีวิตของตนเองหากใครผ่านไปผ่านมาก็ควรเข้าไปเคารพสักการะบูชาศาลหลักเมืองและขอพรให้ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

ซึ่งเมื่อเข้าไปกราบไหว้ศาลหลักเมืองจะมีบทสวดแนะนำนักท่องเที่ยวสามารถท่องตามบทสวดที่มีการแปะไว้ได้เลยและบริเวณโดยรอบศาลหลักเมืองก็มีการปลูกต้นไม้คอยให้ความร่มรื่น   การก่อสร้างศาลหลักเมืองแห่งนี้เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการและประชาชน เพราะต่างก็เล็กเห็นแล้วว่าจังหวัดอุบลราชธานีนั้นเป็นจังหวัดใหญ่ จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน สมควรที่จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองลูกหลานชาวเมืองอุบล ดังนั้นจึงได้ร่วมแรงใจกายช่วยกันสร้างขึ้นมา 

 หากใครว่างอย่าลืมแวะไปกราบไหว้นะคะ

ท่องเที่ยวป่าอาโอกิกาฮาระและถ้ำนารุซาวะเฮียวเค็ทซึประเทศญี่ปุ่น

เช้าวันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นผมเช็คJAPAN PLANNING วางแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นในจุดสุดท้านที่ถูกเตรียมไว้และภายในจุดสุดท้ายนี้น่าจะทำให้ผมเข้าใจฟูจิซังมากขึ้นในอรกหนึ่งมุมมองด้านความตายของชาวญี่ปุ่นสถานที่ที่มีด้านมืดและเรื่องเล่าให้ผมได้ตามไปสัมผัสผมฝากกระเป๋าที่ร้านเช่าจักรยานและรอรถเมล์ที่BLUE LINEเพื่อเดินทางไปยัง ป่าอา โอกิกาฮาระ

เป็นป่าที่ตั้งอยู่เชิงภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งป่าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความอาถรรพ์ของชาวญี่ปุ่นและเมื่อผมได้มองเห็นป้ายWIND CAVEหรือป้าย BLUE LINE ที่ 51 ผมก็ได้ลงที่ปายแห่งนี้เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางเข้าป่า อาโอกิกาฮาระ สถานที่แห่งนี้คือป่าแห่งความตายเพราะในหนึ่งปีจะมีคนญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า100คนเลือกที่จะเดินทางเพื่อเข้ามาจบชีวิตภายในป่าแห่งนี้ ซึ่งลักษณะของผู้ที่เข้ามาจบชีวิตภายในป่าแห่งนี้นั้นก็จะเดินทางมาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น

และไร้สัมภาระใดๆทั้งสิ้นที่จะนำเอาติดตัวมายังสถานที่แห่งนี้และยังมักชอบจะเดินออกนอกเส้นทางหลักอยุ่เป็นประจำเพื่อที่จะได้เดินเข้าไปยังในป่าลึกที่ได้มีความกว้างถึงประมาณ30ตารางกิโลเมตรและในบางครั้งก็เหลือเพียงแต่สิ่งของที่โดเดี่ยวที่ได้ตกอยู่เพียงลำพังและทิ้งไว้แต่เพียงข้อที่ยังสงสัยทำให้หลายคนนั้นได้ฉงนและยังไม่พบข้อสรุปว่าทำไมหลายคนนั้นจึงได้นิยมที่จะเข้ามาจบชีวิตในที่สถานที่แห่งนี้แต่ในทางกานที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการติดป้ายเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินออกนอกเส้นทาง

หรือแม้กระทั่งป้านเตือนสติให้ไม่คิดสั้นแต่แน่นอน สถานที่ที่สวยงามอย่าง ป่าอาโอกิกาฮาระนี้ชาวบ้านในระแวกก็เริ่มจัดทำแผนท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติให้มาชื่นชมความสวยงามของผืนป่าแห่งนี้โดยแท้จริงและภายในระแวกป่าแห่งนี้ก็มีถ้ำมากมายให้นักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างผมได้สัมผัสกับICE CAVEหรือถ้ำน้ำแข็งถ้ำที่มีความเย็นที่ผิดหูผิดตาไปจากถ้ำในประเทศไทย

ซึ่งชื่อญี่ปุ่นของถ้ำแห่งนี้คือ  ถ้ำนารุซาวะ เฮียวเค็ทซึ ภายในถ้ำมีความเย็นและมีอุณหภูมิเพียง 0 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งผมเดินหนาวเหน็บอยู่ในถ้ำแห่งนี้จนฟันออกปากมากกว่าควันซะอีกผมออกจากถ้ำICE CAVE และเดินทางกลับมาหนึ่งกิโลเมตรเพื่อเดินทางกลับมายังถ้ำ WIND CAVE หรือถ้ำฟุกาคุ ภายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้สามารถพบผู้คนได้ทั่วไปและไม่เงียบเหงาอย่างที่คิดถ้ำ WIND CAVE หรือถ้ำลมมีความหนาวเหน็บไม่ต่างจาก ICE CAVE

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

ไปประเทศฮ่องกง ควรไปไหว้พระวัดไหนดี

ประเทศฮ่องกง จัดได้เป็นประเทศที่มีวัดวาอารามหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมาย ที่ให้คนฮ่องกงเองได้เคารพบูชา หรือตัวนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ที่มีความศรัทธาในสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์

และถ้าหากเพื่อนๆ ได้มีโอกาสไปไหว้พระ หรือตั้งใจอยากจะไปขอพรที่ประเทศฮ่องกง แต่ไม่รุ้จะไปกราบไหว้ที่ไหนดี อาจจะเพราะไปครั้งแรก หรืออาจจะเพราะไม่รู้ว่าแต่ละวัดแต่ละสถานที่นั้นต้องไหว้พระขอพรอะไรยังไง วันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำให้กับนักไหว้สายทำบุญมือใหม่ ว่ามีสถานที่ใดบ้างที่ควรจะต้องไปไหว้

พระหนองปิง หรือพระใหญ่ ที่ทุกคนชาวฮ่องกงจะรู้จักกันดี

เพราะสถานที่แห่งนี้มีพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตั้งอยู่บนหุบเขาที่ต้องนั่งรถหรือกระเช้าลอยฟ้าข้ามทะเลจากตัวเมืองขึ้นไปไหว้ และวัดนี้ หากคุณเดินทางจากสนามบินแล้วใช้บริการรถไฟฟ้า express เพื่อเดินทางเข้าเมืองแล้วหล่ะก้อ ระหว่างทางคุณก็จะมองเห็นพระพุทธรูปนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดหุบเขาเลยหล่ะ และการเดินทางไปไหว้พระที่นี่ก็ค่อนข้างสะดวก

เพียงแค่นั่งรถไฟไปตามสถานที่ที่เค้าระบุ เมื่อคุณเดินออกมาจากสถานี คุณเดินต่อไปอีกนี้จะมีสถานีกระเช้า (ให้เดินไปตามป้ายบอกทาง) ให้คุณได้ทำการซื้อตั๋วเพื่อเดินทางขึ้นกระเช้าข้ามไป แต่ถ้าใครอยากประหยัด ก็สามารถนั่งรถบัสข้ามไปได้ แต่ถ้าเป็นคนเมารถ หรือต้องประหยัดเวลาแล้วหล่ะก้อไม่ขอแนะนำวิธีนี้

ส่วนการนั่งกระเช้านั่งก็จะมีอยู่สองแบบ ที่ทางสถานีเค้าจัดเตรียมไว้ คือแบบกระเช้าทั่วไป กับกระเช้าที่เป็นคริสตัล มองเห็นพื้นด้านล่างด้วย ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกเสียวๆหน่อยหากเป็นคนกลัวความสูง แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่กลัวความสูงและไปไหว้ครั้งแรก ก็อยากจะแนะนำ เพราะคุณจะมองเห็นพื้นใต้ท้องที่มองลงไปเห็นบ้านเมืองและทะเลของประเทศฮ่องกง ซึ่งการนั่งกระเช้านี้ก็จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีได้ และเปิดตั้งแต่เช้าประมาณแปดโมง จนไปถึง ห้าโมงเย็นให้ทุกคนได้ใช้บริการกัน และเมื่อมาถึง

คุณก็จะเจอพนักงานต้อนรับคอยแนะนำทางเดินและจุดต่างๆ ของบนเขาแห่งนี้เนื่องจากสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารมากมายให้คุณนั่งพักคลายเหนื่อยและช็อปปิ้งกัน เดินไปสักพักประมาณ 500 เมตร คุณก็จะเจอลานกว้างๆ ที่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยรุปปั้นศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพทั้งหลายที่ชาวฮ่องกงนับถือ

และเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปก็จะมองเห็นพระพุทธรูปใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเบื้องหน้าของคุณ ซึ่งจะต้องเดินขึ้นบันไปไปกราบไหว้อีกประมาณ 500 ขั้น ซึ่งก็แล้วแต่ความศรัทธานะครับ เนื่องจากคนที่มาไหว้ที่นี่นั้นล้วนแต่มีความเชื่อว่าหากได้มากราบไหว้แล้วนั้นชีวิตความเป็นอยุ่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

 

สนับสนุนโดย  entaplay

หากอยากมีชื่อเสียงโด่งดังต้องไปวัดนี้

หากอยากมีชื่อเสียงโด่งดัง เกรียงไกร ต้องมาที่วัดระฆัง

           ช่วงนี้หลายคนคงมีปัญหารบกวนจิตใจมากมาย ทั้งเรื่องกังวลว่าจะตกงาน เพราะเศรษฐกิจที่ไม่ได้หรือกังวลว่าจะเจ็บป่วยเพราะปัญหาฝุ่นละอองและมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ตอนนี้กำลังแพร่ระบาดกันทั่วโลก หากใครที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ วันนี้เราจะแนะนำวัดเหมาะกับการไปเที่ยวทำบุญไหว้พระ ขอพรเพื่อให้จิตใจสงบมากขึ้น 

ซึ่งวัดที่จะแนะนำในวันนี้คือ วัดระฆัง ซึ่งวันหยุดทั้งทีอาจจะชวนคนที่บ้านไปเที่ยวด้วยก็ได้การเดินทางไปวัดระฆังสามารถเดินทางไปได้หลายช่องทางโดยสามารถเดินทางไปทั้งทางบกและทางน้ำเพราะที่วัดแห่งนี้จะถูกสร้างขึ้นอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายคนจึงชอบที่จะนั่งเรือข้ามฟากมาขึ้นที่ท่าน้ำที่วัดแห่งนี้แล้วจึงเดินเข้าไปไหว้พระพุทธรูป

เพราะหากเดินทางมาตามถนนบริเวณนี้ค่อนข้างที่จะรถติดมากเพราะที่วัดระฆังแห่งนี้ผู้คนส่วนใหญ่นิยมมาไหว้พระเพื่อหวังให้ตัวเองมีแต่ความสุขความเจริญและเหนืออื่นใดคือการมาขอพรให้ตนเองมีชื่อเสียงโด่งดังเกรียงไกรสำหรับที่วัดระฆังแห่งนี้ว่ากันว่าแต่เดิมวัดนี้ชื่อวัดบางหว้าใหญ่

ซึ่งมีการถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งในสมัยนั้นมีพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์และได้ทรงแต่งตั้งให้วัดบางหว้าใหญ่นี้เป็นวัดพระอารามหลวง ที่วัดระฆังแห่งนี้จะอยู่ใกล้ใกล้กลับโรงพยาบาลศิริราชส่งเขตบางกอกน้อยผู้คนส่วนใหญ่ที่มากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปที่วัดระฆังมากตั้งใจจะมาไหว้หลวงพ่อโต

ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้สาเหตุที่เรียกวัดแห่งนี้ว่าวัดระฆังนั้นก็เพราะว่าในช่วงสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หนึ่งได้มีเจอที่ขุดพบหลักระฆังโบราณในเขตพื้นที่บริเวณวัดและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านก็พากันเรียกวัดนี้ว่าวัดระฆังมาจวบจนถึงปัจจุบัน

หลายคนที่มาไหว้วัดระฆังแห่งนี้มักจะมาขอพรให้ตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นับหน้าถือตาแก่คนทั่วไปโดยวัดระฆังแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในเก้าวัดที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรกันมากในช่วงวันหยุดยาวรวมถึงในช่วงปีใหม่เพราะที่นี่การเดินทางมาไม่ยากและใกล้ใกล้วัดระฆังแห่งนี้ก็มีวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังอื่นๆอีกหลายวัดและเมื่อไหว้พระเสร็จแล้ว

คุณยังสามารถนำเรือข้ามฝั่งไปยังโรงพยาบาลศิริราชซึ่งจะสามารถมีแหล่ง Shopping ที่เรียกว่าวังหลังให้เราได้ซื้อของกินของใช้ที่นี่เป็นแหล่ง Shopping ที่ขึ้นชื่ออีกที่หนึ่งของโรงพยาบาลศิริราชเลยทีเดียว   

น้ำตกที่น่าไปมากที่จังหวัดนครนายก

เชื่อว่าในช่วงน่าร้อนที่ประจวบเหมาะกับอากาศที่เมืองไทยคงทำให้หลายคนรู้สึกร้อนจนปวดหัวกันเลยทีเดียว  ดังนั้นเพื่อคลายความร้อนวันนี้ก็จะมาแนะนำน้ำตกที่จังหวัดนครนายกและที่นี้ก็อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมาก

ทำให้สามารถเดินทางไปเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย และยังใช้เวลาไม่นานในการเดินทางอีกด้วย เรามาดูกันว่ามีที่ไหนที่น่าไปกันบ้าง

  1. น้ำตกวังตระไคร้ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกับน้ำตกวังตระไคร้ เพราะที่นี้น้ำตกสวยสะกดตามากๆเลยค่ะ ซึ้งที่นี้น้ำจะไหลไม่แรงมากจึงไม่อันตราย สามารถลงไปเล่นน้ำได้ค่ะ ซึ่งยิ่งถ้าไปในช่วงน่าร้อนพอลงน้ำจะรู้สึกได้ทันทีว่าน้ำเย็นชื่นใจมากเลยค่ะ เหมือนว่าเราปล่อยความร้อนให้ไหลไปตามน้ำก็ไม่เชิงค่ะ สามารถคลายความร้อนทั้งหมดให้หายไปในพริบตาได้เลยค่ะและที่นี้ก็จะมีพื้นที่กว้างที่อยู่ติดกับน้ำตกให้ใครที่ไม่ลงน้ำสามารถชมความสวยพร้อมกับปูเสื่อกินขนมก็ได้ค่ะ ชมบรรยากาศของน้ำตกได้ ฟินมากมากเลยค่ะ
  2. น้ำตกนางรอง สำหรับที่นี้ก็เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักเพราะที่นี้ก็ขึ้นชื่อด้านความงามของน้ำตกเพราะที่นี้น้ำไหลลงมาตามชั้นตามโขดหินทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนสามารถเที่ยวเล่นน้ำที่ไหลลงมาได้ซึ้งที่นี้น้ำทั้งใสทั้งเย็นสามารถคลายร้อนได้เลย และที่นี้มีต้นไม้เยอะแยะทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศของธรรมชาติอันร่มรื่น
  3. น้ำตกเหวนรก ที่นี้ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานเขาใหญ่ ซึ้งน้ำตกที่นี้นี้มี 3 ชั้น ซึ้งน้ำตกที่นี้มีความสูงถ้ามารวมกันก็จะราวๆ 150 เมตรได้ ซึ้งน้ำตกที่นี้น้ำไหลแรงมากเพราะฉะนั้นถ้าจะเล่นน้ำคุณจะต้องสังเกตก่อนว่าน้ำไหลแรงเกินไปซึ้งไม่ควรที่จะไปเล่นอาจจะอันตรายต่อชีวิต ถ้าไม่ใช่ในช่วงน่าฝนสีของน้ำที่นี้จะเป็นสีฟ้าที่สวยงามสะกดตามากๆเลยค่ะแต่ถ้าไปเที่ยวที่นี้ในช่วงน่าฝนน้ำสีน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
  4. น้ำตกสาลิกา น้ำตกของที่นี้เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครนายกเพราะน้ำตกที่นี้น้ำไหลลงมาตามโขดตามหินทำให้ดูมีความสวยงามแบบที่น้ำตกที่ไหนก็เทียบไม่ได้เลยค่ะ ซึ้งน้ำตกที่นี้มีทั้งหมด 9 ชั้น ซึ้งถือว่าน้ำตกที่นี้มีหลายชั้นมากๆเลยที่เดียวซึ้งน้ำตกนี้น้ำจะไหลมาจากบนหน้าผาและไหลลงมา ซึ้งถ้าเอาความสูงไปเทียวกับน้ำตกเหวนรกที่นี้จะเตี้ยกว่าน้ำตกเหวนรก 50 เมตรค่ะ ซึ้งน้ำของที่นี้ใสมากมากค่ะ 

ไปเที่ยวประเทศเบลเยี่ยมทำอะไรดี?

อยากรู้ไหมว่าไปเที่ยวประทศเบลเยี่ยมแล้วทำอะไรดี ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของช็อกโกแลต เบียร์ มันฝรั่งทอดและวาฟเฟิล คุณรู้กันไหมว่าประเทศเบลเยี่ยมนั้นมีภาษาที่ใช้พูดกันกว่า 3 ภาษา ส่วนใหญ่ที่พวกเรารู้ๆกันคือภาษาดัตช์และภาษาฝรั่งเศส แต่จริงๆแล้วมีประชากรส่วนหนึ่งในประเทศที่พูดภาษาเยอรมันอีกด้วย

  ประเทศเบลเยี่ยมนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้คุณได้ออกไปสำรวจและมีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แสนวิเศษที่คุณจะไม่ลืมเลยอีกด้วยล่ะ 

ถ้าได้มีโอกาสไปประเทศเบลเยี่ยมแล้วล่ะก็อย่าพลาดที่จะทำสิ่งเหล่านี้กันค่ะ

  1. ลองดื่มคราฟท์เบียร์หลากหลายชนิด คราฟท์เบียร์คืออะไร? มันคือการผลิตเบียร์แบบแฮนเมด ที่ใช้วิธีการปรุงและหมักอย่างประณีตและพิถีพิถัน ทำให้เบียร์ที่ได้ออกมานั้นจะมีกลิ่นและรสสัมผัสเฉพาะตัวแตกต่างจากทั่วไปเลยล่ะ ซึ่งประเทศเบลเยี่ยมนั้นขึ้นชื่อเป็นอันดับที่ 1 ในเรื่องของคราฟเบียร์เลย ดังนั้นลองหามาดื่มดูสักแก้วสองแก้วนะคะ
  2. กินช็อกโกแลตเบลเยี่ยมแสนอร่อย ในประเทศเบลเยี่ยมนั้นแทบทุกหมู่บ้านมักจะมีร้านขายช็อกโกแลตตั้งอยู่ และรสชาติอร่อยของช็อกโกแลตก็มาจากสูตรที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของชาวเบลเยี่ยม และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมเป็นที่รู้จักันอย่างดีว่าคือช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลกที่คุณจะหาได้ เพราะในแต่ละปีมีช็อกโกแลตถูกผลิตในเบลเยี่ยมกว่า 220,000 ตัน เพราะฉะนั้นลองหามากินสักชิ้นสองชิ้นนะคะ รับรองว่าอร่อยแน่นอน
  3. เอนจอยไปกับการกินวาฟเฟิล เมื่อไปถึงเบลเยี่ยมแล้ววาฟเฟิลก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรหามาลองกินค่ะ โดยสามารถหาได้ตามร้านขายวาฟเฟิล หรือ ตามร้านกาแฟก็มีขายค่ะ วาฟเฟิลของเบลเยี่ยมนั้นแป้งจะบางกว่าวาฟเฟิลทั่วไปค่ะและมีท้อปปิ้งให้เลือกเยอะแยะเลย เช่น วิปปิ้งครีม น้ำตาลไอซิ่ง ช็อกโกแลต สตรอว์เบอร์รี กล้วย แยม ฯลฯ แบบนี้แล้วคุณก็สามารถเลือกท้อปปิ้งได้ตามใจชอบเลยล่ะค่ะ
  4. เยี่ยมชมจัตุรัสกรองด์ปลาซ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครได้มาที่เบลเยี่ยมแล้วต้องมาที่นี่ให้ได้ จัตุรัสแห่งนี้ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของกรุงบรัสเซลล์และยังเป็นจัตุรัสที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกอีกด้วย มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามอย่างมากและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ถูกสร้างมาในแบบบาร็อค โกธิค และนีโอโกธิค สามารถไปเดินเล่นชมความงามของตึกและอาคารสไตล์ยุโรปได้อย่างสบายอารมณ์เลยค่ะ
  5. ไปเที่ยวเมืองเกนต์ ตั้งอยู่ใกล้กับบรูจส์เป็นเมืองที่เหมาะกับการมาเที่ยวแบบเดย์ทริปมาก บ้านเมืองมีความสวยงาม ดอกไม้แข่งกันเบ่งบานแต่งแต้มสีสันสดใสไปทั่วเมืองเหมือนดั่งอยู่ในโลกของเทพนิยายเลยค่ะ ถือเป็นเมืองลับที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาที่เมืองนี้มากนัก ถ้าเป็นไปได้หรือมีโอกาสมาเที่ยวที่เบลเยี่ยมแล้ว ลองแวะมาที่เมืองนี้ดูค่ะ 

ท่องเที่ยว ประเทศไต้หวันต้องไม่พลาดสิ่งพวกนี้

หากใครเคยได้ลองไปเที่ยวที่ประเทศไต้หวันแล้วก็อย่าลืมลองสิ่งเหล่านี้ว่าสิ่งเหล่านี้ที่เราจะแนะนำนั้นถือได้ว่าเป็นสุดยอดของอร่อยซึ่งหากได้ไปที่ไต้หวันจะต้องลองกับสิ่งเรานี้หรือซื้อมาติดไม้ติดมือเพื่อเป็นการนำมาฝากคนใกล้ชิดของเรานั่นเอง

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนประเทศไต้หวันมีดังนี้

ชาเขียวขวดที่แบบไม่มีน้ำตาล

ชาเขียวประเภทนี้หากท่านได้ลองดื่มจะติดใจเป็นแน่เพราะเป็นชาเขียวที่ไม่มีน้ำตาลแต่หากเราได้ดื่มเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงรสชาติของใบชาอ่อนอ่อนแต่มันก็จะมีรสขมติดอยู่ที่ปลายลิ้นนิดหน่อยและยังเป็นรสหวาน แบบเจือจางซึ่งมันไม่ได้หวานโดยการทำมาจากน้ำตาลเป็นแน่สรุปได้ว่าหากได้ไปลองไปชิมดูกับชาเขียวยี่ห้อนี้รับรองได้ว่าอาจจะหลงและติดใจจนลืมชาเขียวบ้านเราไปเลยก็ได้

มันเผา

จะเห็นได้ว่าชื่อว่ามันเผาหลายคนอาจจะไม่ชอบทานเพราะอาจจะมองว่า รสชาติเหมือนมันเผาแถวบ้านเราแต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่ารสชาติมันเผาของประเทศไต้หวันนั้นมันจะมีรสชาติหวานๆ และมี เป็นหอมยิ่งถ้าหากเราได้กินในเวลาที่เรารู้สึกหนาวและมันเผากำลังอุ่นอุ่นเราจัดรู้ถึงรสชาติความอร่อยของมันแบบเต็มที่

นมรสแอปเปิ้ล

จะเห็นได้ว่านอกจากชานมแล้วที่ไต้หวันนั้นก็ยังมีนมที่ให้เลือกลองได้ทานอีกเยอะแยะซึ่งสำหรับบางยี่ห้อนั้นก็เป็นนมของไต้หวันที่เองแต่ก็มีบางยี่ห้อเช่นกันที่เป็นการนำเข้าจากประเทศได้ใกล้สำหรับนมยี่ห้อนี้จะมีหลายรสชาติอยู่เหมือนกันแต่ที่แนะนำให้เลือก นำมาทางเมื่อคืนนมที่เป็นรสชาติแอปเปิ้ลไม่ต้องบอกนะคะว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรเพราะว่ารสชาติของมันนั้นจะมีความอร่อยและแอบแฝงความเปรี้ยวของแอปเปิ้ลเข้าไปซื้อมีความหอมนิดนิดอาจจะมองแล้วดูแค่คล้ายกับโยเกิร์ตสำหรับคนที่ชอบความแปลกใหม่ต้องไม่พลาดกับนมรสนี้

เบียร์น้ำผึ้ง

สำหรับเบียร์น้ำผึ้งนั้นต้องบอกว่าเหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มซึ่งเบียร์น้ำผึ้งนั้นผลิตที่ไต้หวันนี่เองแต่จะหาซื้อได้ยากสักหน่อยนะซึ่งหากคุณเดินที่ร้านสะดวกซื้อแล้วไม่เจอเบียร์น้ำผึ้งนี้เราขอแนะนำให้ไปเดินดูที่แถวซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับเบียร์รสชาติแบบนี้มันจะมีความหอมของน้ำผึ้งสามารถดื่มง่ายกินเบียร์ก็ไม่แรงจนเกินไปโดยมีการผสมด้วยน้ำผึ้งถือว่าลงตัวปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในเบียร์นี้มีปริมาณที่ 4.5% เพียงเท่านั้นนะเรียกว่ากินชิวๆเพลินดี